การนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก

ไพรัช พื้นชมภู, จุรี สายจันเจียม, เนาวรัตน์ ผดุงกิจ

Abstract


การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก 2) เพื่อวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ และแนวทางแก้ไข การนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก 3) เพื่อสร้างรูปแบบการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก 4) เพื่อพัฒนารูปแบบการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนที่อยู่อาศัยใน 5 อำเภอ ของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ได้เลือกไว้ จำนวน 400 คน โดยคำนวณตามสูตรขนาดกลุ่มตัวอย่างของ ทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ มัธยฐาน (Median) 

ผลการวิจัยพบว่า การนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านมิติทางการเมือง (Political Dimension) รองลงมาคือ ด้านมิติทางสังคม (Social Dimension) และ ด้านมิติทางเศรษฐกิจ (Economical Dimension) ส่วนปัญหา สาเหตุ การนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน ได้แก่ 1) ด้านมิติทางการเมือง (Political Dimension) พบว่า ความเชื่อมั่นศรัทธาร่วมกันในระบบการเมืองใดระบบหนึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของความปรองดอง ซึ่งแนวทางแก้ไขจะต้องใช้ปัญญาวิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้งทางการเมืองอย่างชัดเจนและปราศจากอคติจะก่อให้เกิดความปรองดองได้ 2) ด้านมิติทางเศรษฐกิจ (Economical Dimension) พบว่า ความเชื่อในระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมิใช่สาเหตุสำคัญของความแตกแยกของประชาชน ซึ่งแนวทางแก้ไขจะต้องใช้หลักจาคะ จะต้องมีการจัดสรรและแบ่งปันทรัพยากรของชาติอย่างเป็นธรรม และ 3) ด้านมิติทางสังคม (Social Dimension)  พบว่า สถานการณ์รุนแรงที่เกิดมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะภาวะไร้การสละความโลภ ความโกรธและความหลงออกจากใจ ซึ่งแนวทางแก้ไขก็คือทุกปัญหาความขัดแย้ง สามารถแก้ไขให้กลับสู่ความปรองดองได้ด้วยปัญญา สำหรับรูปแบบการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน พบว่า 1) ด้านมิติทางการเมือง (Political Dimension) ได้แก่ ความเชื่อมั่นร่วมกันในระบบการเมืองใดระบบหนึ่ง ความเคารพกฎกติกาของบ้านเมือง และความรู้สึกละอายที่จะทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรมเป็นปัจจัยบวกของการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก 2) ด้านมิติทางเศรษฐกิจ (Economical Dimension) ได้แก่ ความเชื่อมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการหมู่บ้านศีล 5 จะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นและเศรษฐกิจดีขึ้นได้ 3) ด้านมิติทางสังคม (Social Dimension) ได้แก่ แม้จะมีความเชื่อในลัทธิและศาสนาที่ต่างกันก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุกด้วยความมีระเบียบวินัยของสมาชิกในสังคม และการพัฒนารูปแบบการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิมีความเห็นสอดคล้องกันว่า รูปแบบการนำหลักอริยทรัพย์ 7 ไปใช้ในการสร้างความปรองดองของประชาชน ทุกองค์ประกอบและทุกตัวบ่งชี้มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยมีค่า มัธยฐาน ตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป และค่าพิสัย ระหว่าง ควอร์ไทล์ไม่เกิน 1.50 


Full Text:

PDF

Refbacks

  • There are currently no refbacks.